MOOD INDIGO รักนี้มหัศจรรย์
เข้าฉายวันที่ : 12 กันยายน 2556
ประเภทหนัง : Romantic / Fantasy
นักแสดงนำ : ออเดรย์ โตตู (Amelie, The Da Vinci Code, Coco Before Chanel) โรแม็ง ดูรีส (The Beat That My Heart Skipped, Russian Dolls) โอมาร์ ซี (Intouchables, X-Men: Days of Future Past) แก๊ด เอลมาลีห์ (Midnight in Paris, Priceless, The Valet)
ผู้กำกับ : เชล กงดรี้ (Eternal Sunshine of Spotless Mind, The Science of Sleep)
ผลงานของผู้กำกับ Eternal Sunshine of The Spotless Mind สู่ภาพยนตร์รักที่เปี่ยมไปด้วยเวทย์มนต์ครั้งใหม่ Mood Indigo นำแสดงโดย ออเดรย์ โตตู, โรแม็ง ดูรีส และ โอมาร์ ซี
เรื่องย่อ :
โคลิน (โรแม็ง ดูรีส) มหาเศรษฐีหนุ่มนักประดิษฐ์ ที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์สุดบรรเจิดมากมาย ตกหลุมรักกับ โคลอี้ (ออเดรย์ โตตู) และตัดสินใจแต่งงานกัน อย่างไรก็ตามก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นระหว่างที่พวกเขาไปฮันนีมูน เมื่อ โคลอี้ ป่วยเป็นโรคประหลาดที่ทำให้มีดอกบัวบานอยู่ในปอด และทางรอดเดียวก็คือเธอต้องอยู่ท่ามกลางดอกไม้สดเท่านั้น… โคลิน พยายามสร้างโลกที่เต็มไปด้วยดอกไม้ให้เธอ แต่มันก็ทำให้เขาประสบกับปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ เขาจะต้องทำเช่นไรเพื่อที่จะรักษาผู้หญิงที่รักให้หาย เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
เกร็ดภาพยนตร์
•Mood Indigo ดัดแปลงจาก Froth on the Daydream นิยายคลาสสิกของ บอฮิส เวียน โดยผู้กำกับ มิเชล กงดรี้ ที่ทำหนังรักไอเดียบรรเจิดที่อยู่ในใจของใครหลายคนอย่าง Eternal Sunshine of Spotless Mind และ The Science of Sleep ก็ต้องการนำมาสร้างให้เป็นภาพยนตร์ เขาเผยว่า “มันคือนิยายที่ทุกคนในประเทศฝรั่งเศสต้องเคยอ่านหรือรู้จัก และก็เป็นต้นกำเนิดของแรงบันดาลใจ ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆที่อยู่ในผลงานทุกชิ้นของผม ผมคิดว่านี่คือโปรเจ็คที่ใกล้ชิดกับตัวเองและน่าจะเป็นตัวสื่อสารถึงเรื่องราวความรักของนักประดิษฐ์ได้ดีที่สุด”
•หนังนำแสดงโดย ออเดรย์ โตตู ที่ทุกคนหลงรักจากบทสาวน้อย เอมิลี ปูแลง ใน Amelie และผลงานที่เราคุ้นเคยอย่าง A Very Long Engagement และ The Da Vinci Code โดยผู้กำกับ มิเชล กงดรี้ ต้องการให้เธอแสดงบท โคลอี้ มาก จนถึงขนาดทำหนังอนิเมชั่นขนาดสั้นให้ โตตู ได้ดูโดยเฉพาะ เพื่อที่จะได้ชัดจูงเธอ โดย โตตู ก็ได้พูดถึงการตัดสินใจเข้ามาทำงานในเรื่องนี้ว่า “ฉันไม่เคยถูกชักชวนให้เข้ามาแสดงหนังด้วยวิธีนี้มาก่อน มันน่าทึ่งมาก มันทำให้ฉันมั่นใจเลยว่า มิเชล เหมาะกับเรื่องราวที่เปี่ยมไปด้วยเวทย์มนต์ชิ้นนี้มากที่สุด”